หน้าหลัก เกี่ยวกับมูลนิธิ โครงการของมูลนิธิ ร่วมบริจาค ความในใจ ติดต่อมูลนิธิ

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
(Personal Data Protection Policy)
ปรับปรุงล่าสุด เดือน มิถุนายน 2565

มูลนิธิกสิกรไทย ( “มูลนิธิฯ” ) เป็นองค์การสาธารณกุศล จดทะเบียนก่อตั้งเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2523 และได้รับการประกาศให้เป็นองค์การสาธารณกุศล ลำดับที่ 690 ตามประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 405) ลงวันที่ 17 กันยายน พ.ศ.2552 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มูลนิธิฯ ยึดมั่นการดำเนินงานอย่างมีจรรยาบรรณ เคารพและปฏิบัติตามกฎหมายที่บังคับใช้ และตระหนักถึงการได้รับความไว้วางใจจากท่าน มูลนิธิฯ เข้าใจดีว่าท่านต้องการความปลอดภัยในการทำธุรกรรมและการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
ดังนั้น มูลนิธิฯ จึงให้ความสำคัญด้านการเคารพสิทธิในความเป็นส่วนตัวของท่านและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ต่างๆ ในการดำเนินงานของมูลนิธิฯ ด้วยมาตรการที่เข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านมั่นใจว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำไปใช้ตรงตามความต้องการของท่านและถูกต้องตามกฎหมาย

1. นโยบายฉบับนี้มีขึ้นเพื่ออะไร
นโยบายฉบับนี้ใช้เพื่อแจ้งให้ท่านในฐานะที่เป็นผู้รับบริจาค/ ผู้บริจาค/ ผู้รับทุนการศึกษา หรือบุคคลอื่นใด ซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ตลอดจนสิทธิตามกฎหมายของท่านที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล
2. ข้อมูลส่วนบุคคลอะไรบ้างที่มูลนิธิฯ เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย
2.1 ข้อมูลส่วนบุคคล คือ ข้อมูลที่ทำให้สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ได้แก่
2.1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้แก่มูลนิธิฯ โดยตรง หรือให้ผ่านมูลนิธิฯ หรือมีอยู่กับมูลนิธิฯ ทั้งที่เกิดจากการใช้บริการ ติดต่อ เยี่ยมชม ค้นหา ผ่านช่องทางดิจิทัล เว็บไซต์ ผู้ที่ได้รับมอบหมาย หรือช่องทางอื่นใด
2.1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มูลนิธิฯ ได้รับหรือเข้าถึงได้จากแหล่งอื่นซึ่งไม่ใช่จากท่านโดยตรง เช่น หน่วยงานของรัฐ เป็นต้น ซึ่งมูลนิธิฯ จะเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่นต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากท่านตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่มูลนิธิฯ มีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่มูลนิธิฯ เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย เช่น
- ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ วันเดือนปีเกิด สถานภาพสมรส เลขประจำตัวประชาชน เลขประจำตัวผู้เสียภาษี อาชีพ
- ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่อาศัย สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ อีเมล ไอดีไลน์
- ข้อมูลธุรกรรมทางการเงิน เช่น เลขบัญชีเงินฝาก รายละเอียดการโอน/ ชำระเงิน และ/หรือ รับโอน/ รับชำระเงิน
- ข้อมูลการบริจาค เช่น รายละเอียดการรับบริจาค รายละเอียดการให้บริจาค รายละเอียดการซื้อสินค้าบริจาค
- ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ (เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ / รัฐวิสาหกิจ สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาสูติบัตร สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ สำเนาใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ หรือเอกสารที่ใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนที่มีลักษณะเดียวกัน)
- ข้อมูลอุปกรณ์หรือเครื่องมือ ข้อมูลทางเทคนิค เช่น IP address, MAC address, Cookie ID, Google analysis
- ข้อมูลอื่นๆ เช่น การใช้งานเว็บไซต์ เสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และข้อมูลอื่นใดที่ถือว่าเป็นข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน (Sensitive Data) คือ ข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายกำหนดเป็นการเฉพาะ โดยมูลนิธิฯ ไม่มีเจตนาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนจากท่าน หากแต่ในบางกรณี มูลนิธิฯ อาจจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนจากท่านเพื่อประกอบการดำเนินงานของมูลนิธิฯ เช่น ข้อมูลสุขภาพ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา ความพิการ ทั้งนี้ มูลนิธิฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนต่อเมื่อมูลนิธิฯ ได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน หรือในกรณีที่มูลนิธิฯ มีความจำเป็นตามกรณีที่กฎหมายอนุญาต โดยจะดำเนินการเป็นคราวๆ ไปเมื่อต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนจากท่าน
(ต่อไปในนโยบายฉบับนี้หากไม่กล่าวโดยเฉพาะเจาะจงจะเรียกข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวที่เกี่ยวกับท่านข้างต้น รวมกันว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล” )
3. มูลนิธิฯ เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ใดบ้าง
มูลนิธิฯ จะดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อประโยชน์ของท่านในการดำเนินงานของมูลนิธิฯ ตลอดจนเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายใดๆ ที่มูลนิธิฯ หรือท่านต้องปฏิบัติตาม และเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่ระบุในนโยบายฉบับนี้ ดังนี้
3.1 เพื่อให้ท่านได้ใช้บริการของมูลนิธิฯ ได้ตรงตามวัตถุประสงค์ของท่าน และเพื่อการอื่นที่จำเป็นภายใต้กฎหมาย
3.1.1 เพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของมูลนิธิฯ ได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับมูลนิธิฯ หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้บริการของมูลนิธิฯ (Contractual Basis) เช่น ใช้บริการระบบสารสนเทศของมูลนิธิฯ
3.1.2 เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการที่ใช้อำนาจรัฐที่ได้รับมอบหมายให้มูลนิธิฯ เป็นผู้ดำเนินการ (Public Interest) เช่น
(1) เพื่อบำเพ็ญทาน การศาสนา วิทยาศาสตร์ เกษตรศาสตร์ วรรณคดี และสาธารณประโยชน์ อื่นๆ โดยไม่ได้หมายค้ากำไร
(2) เพื่อส่งเสริมการศึกษา ให้ทุนการศึกษา
(3) เพื่อบำเพ็ญสาธารณกุศล และการกุศลอื่น
(4) เพื่อร่วมมือกับองค์การการกุศลอื่นๆ เพื่อสาธารณประโยชน์ โดยมูลนิธิฯ ไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองแต่ประการใด
(5) เพื่อส่งเสริมการเกษตรกรรม ให้ทุนการวิจัยเพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านเกษตรกรรมและเทคโนโลยีทางการเกษตร
3.1.3 เพื่อปฎิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับ (Legal Obligation) เช่น
(1) การปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย
(2) การปฏิบัติตามกฎหมายที่มูลนิธิฯ จำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งของในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงประกาศและระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว ทั้งนี้ หากมูลนิธิฯ จำเป็นต้องใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของมูลนิธิฯ หรือการเข้าทำสัญญากับท่าน มูลนิธิฯ อาจจะไม่สามารถจัดหา/ส่งมอบบริการให้แก่ท่าน หากมูลนิธิฯ ไม่สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อมีการร้องขอ
3.1.4 เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของมูลนิธิฯ หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เช่น
(1) การทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ (Anonymous Data)
(2) การป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การทำผิดกฎหมายต่างๆ
(3) การติดต่อ การบันทึกภาพ การบันทึกเสียงเกี่ยวกับการจัดประชุม อบรม สันทนาการ หรือออกบูธ
(4) การรับ-ส่งพัสดุ
3.2 เพื่อให้ท่านได้รับประโยชน์จากการใช้บริการ ตามที่ท่านเลือกให้ความยินยอมไว้ เช่น
(1) เพื่อให้ท่านได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้น และสอดคล้องกับความต้องการของท่าน
(2) เพื่อให้ท่านได้รับข้อเสนอ คำแนะนำ และข่าวสารต่างๆ จากมูลนิธิฯ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นบริการ ข่าวสาร หรือกิจกรรมของมูลนิธิฯ หรือของบุคคลที่มูลนิธิฯ เป็นตัวแทน นายหน้า ผู้จำหน่าย หรือของพันธมิตร หรือของบุคคลภายนอกที่มีความเกี่ยวข้องกับมูลนิธิฯ ตามแต่กรณีที่ท่านให้ความยินยอมไว้
4. มูลนิธิฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ใครบ้าง
มูลนิธิฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของท่านหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ โดยบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลดังกล่าวจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอมหรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ มูลนิธิฯ อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ เช่น เพื่อการให้บริการแก่ท่าน เพื่อการนำเสนอบริการ เพื่อการวิเคราะห์และพัฒนาปรับปรุงบริการ เพื่อการทำวิจัยหรือจัดทำข้อมูลทางสถิติ เพื่อการประชาสัมพันธ์ของมูลนิธิฯ เพื่อการบริหารการดำเนินงาน เพื่อให้ผู้อื่นให้บริการสนับสนุนแก่ มูลนิธิฯ เพื่อการพิสูจน์ตัวตน โดยมูลนิธิฯ อาจเปิดเผยให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ เช่น ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ให้บริการภายนอก ตัวแทนของมูลนิธิฯ ผู้รับจ้างช่วงงานต่อ ผู้มีอำนาจตามกฎหมาย นิติบุคคลหรือบุคคลใดๆ ที่มีความสัมพันธ์หรือมีสัญญาอยู่กับมูลนิธิฯ ซึ่งรวมตลอดถึง ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษาของมูลนิธิฯ และของบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลดังกล่าว
5. การใช้งานคุกกี้
มูลนิธิฯ อาจเก็บรวบรวมและใช้งานคุกกี้ และ/หรือ เทคโนโลยีอื่นใดที่มีลักษณะใกล้เคียงกันเมื่อท่านมีการใช้งานเว็บไซต์ และ/หรือ แอปพลิเคชันของมูลนิธิฯ รวมถึงการทำธุรกรรม การใช้บริการของมูลนิธิฯ ผ่านช่องทางดิจิทัลและเครือข่ายอินเทอร์เน็ต การเก็บรวบรวมคุกกี้ และ/หรือ เทคโนโลยีอื่นใดที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน จะช่วยให้มูลนิธิฯ จดจำการใช้งานและความชื่นชอบของท่าน เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้งานเว็บไซต์ และ/หรือ แอปพลิเคชันของมูลนิธิฯ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก “นโยบายการใช้คุกกี้” ของมูลนิธิฯ
6. มูลนิธิฯ จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้นานเท่าใด
มูลนิธิฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาที่จำเป็นในระหว่างที่ท่านมีความสัมพันธ์อยู่กับมูลนิธิฯ หรือตลอดระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ ซึ่งอาจจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นหากมีกฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น จัดเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการพิสูจน์ตรวจสอบกรณีอาจเกิดข้อพิพาทภายในอายุความตามที่กฎหมายกำหนดเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี ทั้งนี้ มูลนิธิฯ จะมีการดำเนินการในขั้นตอนที่เหมาะสม เพื่อทำการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุถึงตัวตนของท่านได้เมื่อหมดความจำเป็นหรือสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว
7. มูลนิธิฯ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างไร
มูลนิธิฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นอย่างดีตามมาตรการเชิงเทคนิค (Technical Safeguard) และมาตรการเชิงบริหารจัดการ (Administrative Safeguard) และมาตราการป้องกันทางกายภาพ (Physical Safeguard) เพื่อธำรงไว้ซึ่งความลับ ความถูกต้องครบถ้วน สภาพความพร้อมใช้งานของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันการเข้าถึง เก็บรวบรวม เปลี่ยนแปลง แก้ไข ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้เป็นไปตามที่กฎหมายที่ใช้บังคับกำหนด มูลนิธิฯ ได้จัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล โดยได้กำหนดนโยบาย ระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เช่น มาตรการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและการใช้งานอุปกรณ์สำหรับการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ปลอดภัยและเหมาะสม การจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล การกำหนดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน สิทธิในการอนุญาตให้ผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับมอบหมายให้เข้าถึงข้อมูล และหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้ใช้งาน เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล การเปิดเผย การล่วงรู้ หรือการลักลอบทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล หรือการลักขโมยอุปกรณ์จัดเก็บหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต มากไปกว่านั้น มูลนิธิฯ ยังมีมาตรการสำหรับการตรวจสอบย้อนหลังเกี่ยวกับการเข้าถึง เปลี่ยนแปลง ลบ หรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องเหมาะสมกับวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ ผู้บริหาร พนักงาน ลูกจ้าง ผู้รับจ้าง ตัวแทน ที่ปรึกษา และผู้รับข้อมูลจากมูลนิธิฯ มีหน้าที่ต้องรักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษาความลับที่มูลนิธิฯ กำหนดขึ้น
8. สิทธิของท่านเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลมีอะไรบ้าง
สิทธิของท่านในข้อนี้เป็นสิทธิตามกฎหมายที่ท่านควรทราบ โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่มูลนิธิฯ กำหนดขึ้น และในกรณีท่านมีอายุไม่ครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือถูกจำกัดความสามารถในการทำนิติกรรมตามกฎหมาย ท่านสามารถขอใช้สิทธิโดยให้บิดาและมารดา ผู้ใช้อำนาจปกครอง หรือมีผู้อำนาจกระทำการแทนเป็นผู้แจ้งความประสงค์
8.1 สิทธิขอถอนความยินยอม : หากท่านได้ให้ความยินยอมให้มูลนิธิฯ เก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับมูลนิธิฯ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อท่านจากการใช้บริการต่างๆ เช่น ท่านจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ หรือข้อเสนอใหม่ๆ ไม่ได้รับบริการที่ดียิ่งขึ้นและสอดคล้องกับความต้องการของท่าน หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่าน เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของท่าน จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนถอนความยินยอม
8.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของมูลนิธิฯ และขอให้มูลนิธิฯ ทำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้มูลนิธิฯ เปิดเผยว่ามูลนิธิฯ ได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร
8.3 สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่มูลนิธิฯ ได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้มูลนิธิฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่มูลนิธิฯ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค ทั้งนี้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่มูลนิธิฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผย หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มูลนิธิฯ จำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยเพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของมูลนิธิฯ ได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับมูลนิธิฯ หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้บริการของมูลนิธิฯ หรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด
8.4 สิทธิขอคัดค้าน : ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของมูลนิธิฯ หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น โดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากท่านยื่นคัดค้าน มูลนิธิฯ จะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่มูลนิธิฯ สามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี นอกจากนี้ ท่านยังมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติได้อีกด้วย
8.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่ามูลนิธิฯ หมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
8.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่มูลนิธิฯ อยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่มูลนิธิฯ หมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้มูลนิธิฯ ระงับการใช้แทน
8.7 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล: ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
8.8 สิทธิร้องเรียน: ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่มูลนิธิฯ อาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น หากมูลนิธิฯ ปฏิเสธ คำขอข้างต้น มูลนิธิฯ จะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบด้วย
ทั้งนี้ ท่านสามารถดำเนินการขอใช้สิทธิต่างๆ ได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้ https://www.kasikornfoundation.org/TH/ContactUs/Pages/ContactUs.aspx
9. มูลนิธิฯ จะแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่
มูลนิธิฯ อาจพิจารณาทบทวนเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงนโยบายฉบับนี้เป็นครั้งคราวตามความเหมาะสมและเท่าที่กฎหมายอนุญาต ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายฉบับนี้ มูลนิธิฯ จะดำเนินการประกาศนโยบายฉบับปัจจุบันให้ท่านทราบบนเว็บไซต์ของมูลนิธิฯ https://www.kasikornfoundation.org
10. ท่านจะติดต่อมูลนิธิฯ ได้อย่างไร
หากท่านมีข้อเสนอแนะ หรือต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงการขอใช้สิทธิตามนโยบายฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อมูลนิธิฯ ผ่านช่องทางดังนี้

Website: https://www.kasikornfoundation.org/TH/ContactUs/Pages/ContactUs.aspx
มูลนิธิกสิกรไทย
400/22 อาคารพหลโยธิน ชั้น 7 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
โทรศัพท์ : 0 2273 1921
โทรสาร : 0 2273 3855
อีเมล : adm@kasikornfoundation.org

ข่าวสารมูลนิธิ
ข่าวทั้งหมด
ข้อมูลที่น่าสนใจ
ข้อมูลทั้งหมด
 
 
มูลนิธิกสิกรไทย องค์การสาธารณกุศลลำดับที่ 690 ตามประกาศกระทรวงการคลังว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 405)
400/22 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
โทรศัพท์ : 0 2273 1921 โทรสาร : 0 2273 3855 อีเมล : adm@kasikornfoundation.org
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล